วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แมวสก๊อตติสโฟลด์ (Scottish Fold)



สก๊อตติสโฟลด์ เป็นแมวที่มีลักษณะแตกต่างไปจากแมวชนิดอื่นๆ นั่นคือมีหูที่ที่พับไปด้านหน้า  มีขนาดเล็ก ตาโตเหมือนนกฮูก  สก๊อตติสโฟลด์เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดจากทางประเทศสก๊อตแลนด์ หน้ากลม  เป็นแมวที่น่ารักและกำลังเป็นที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน  แต่บ้านเรานั้นมีราคาค่อนข้างสูงเอาการเลยทีเดียว  และที่สำคัญเป็นแมวที่เลี้ยงง่าย  ดูแลรักษาไม่ยากมีความสงบเสงี่ยม สุภาพเรียบร้อย  

ประวัติความเป็นมา
              แมวพันธุ์ Scottish Fold ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1961 ในสก๊อตแลนด์ มันมีชื่อว่า Susie มีลักษณะเป็นแมวสีขาวที่มีหูพับไปมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ใบหน้ามีลักษณะคล้าย นกฮูก หรือหน้าของตัวนาก ผู้ที่สังเกตเห็นคนแรกคือ William Ross มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ William และภรรยาเป็นคนที่รักแมวมาก และทั้งคู่สนใจ Susie มาก เมื่อ Susie ออกลูกเป็นลูกแมวหูพับ 2 ตัว ครอบครัวของเขาจึงขอลูกแมวตัวเมียตัวหนึ่งมาเลี้ยง และได้ตั้งชื่อว่า Snooks ลูกของ Snooks เป็นสายพันธุ์ที่มาจาก British Shorthair และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ Scottish Fold ในเวลานี้ สายพันธุ์นี้ได้รับการจดทะเบียนจาก The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ

          ทั้งนี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1960 Pat Turner นักพันธุศาสตร์ และ cat breeder เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ ในช่วง 3 ปี มีลูกแมวเกิด 76 ตัว 42 ตัวเป็น พวกหูพับ อีก 34 ตัว เป็นพวกหูตั้ง เธอได้ร่วมกับ Peter Dyte นักพันธุศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ลงความเห็นว่า ลักษณะหูพับกลายเป็นลักษณะเด่น นั่นหมายถึงถ้าลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนจากพวกที่มีหูตั้ง และพวกที่มีหูพับ ลูกแมวตัวนั้นจะมีลักษณะหูพับ

          สำหรับ Susie ต้นกำเนิดของ แมวพันธุ์ Scottish Fold หูมีลักษณะการพับแบบหลวม ๆ ปลายหูพับลงมาด้านหน้าประมาณครึ่งหนึ่ง รูปแบบนี้ เรียกว่า single fold และในปัจจุบันยังมีหูพับแบบ triple fold ด้วย คนเลี้ยงแมวบางส่วนในประเทศอังกฤษมีความเชื่อว่า แมวพันธุ์ Scottish Fold อาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคทางหู และ มีโอกาสในการเป็นหูหนวกสูง พวกเขาจึงร่วมมือกันต่อต้านการจดทะเบียนของ Scottish Fold ใน Great Britain และ Europe 

          อย่างไรก็ตาม Mrs. Ross ได้นำแมวหูพับบางส่วนของเธอจัดส่งไปให้ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Neil Todd นักพันธุศาสตร์ ใน Newtonville คอกแรกที่เกิดในอเมริกา เกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 1971 หลังการค้นคว้าเสร็จสิ้นลง ลูกแมวหูพับบางส่วนได้รับการยอมรับจาก CFA

           โดย แมวพันธุ์ Shorthair Scottish Folds ได้รับการจดทะเบียนจาก ACA ในปี 1973 และ จาก ACFA, CFA ในปี 1974 สถาบัน TICA เป็นที่แรกที่จดบันทึกว่า Longhairs ชนะเลิศการประกวด ในปี 1987-88 และชนะของ CFA ในปี 1993-94 

          และแม้ว่าครอบครัว Ross จะล้มเลิกความพยายามในการทำให้ประเทศของเขายอมรับแมวสายพันธุ์นี้ แต่พวกเขาได้รับการยกย่องในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้ค้นพบ แมวพันธุ์ Scottish Fold

ลักษณะนิสัย
                สก๊อตติสโฟลด์เป็นแมวที่เป็นมิตรกับทุกคนมีความอ่อนโยน  เรียบร้อยและสงบไม่ค่อยจะร้อง ขี้เล่น จงรักภักดีกับผู้เป็นเจ้าของ  สามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว   สามารถที่จะเป็นเพื่อนกับแมวตัวอื่นๆได้ดี   มีความอยากรู้อย่างตามธรรมชาติ  และในบางครั้งเราอาจจะเห็นอยู่ในคริปบ่อยในเรื่องความน่ารักของมันไม่ว่าเป็นการนั่งโดยการเอนหลังเหมือนคนนั่ง  การที่เห็นอะไรหรือว่ารู้สึกผิดปกติมันจะหันหลังและทำตาโตๆ  หรือหากมีการเรียกร้องความสนใจ  อาจจะมีนั่งที่ตักแล้วส่งเสียงร้องเบาๆ  นั้นเป็นการแสดงออกทางหนึ่งของแมวสก๊อตติสโฟลด์  สามารถเลี้ยงไว้กับบ้านที่มีเด็กได้

ลักษณะรูปร่าง
                สำหรับรูปร่างของสก๊อตติสโฟลด์  เป็นแมวที่มีขนาดกลาง  มีทั้งขนที่ยาวและขนสั้น  ตาส่วนมากเป็นสีเหลืองอาจะมีสีอื่นๆ อีก สำหรับสีของขนนั้นอาจจะเกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์จึงทำให้ขนของมันมีสีที่หลากหลายมาก  แทบจะทุกสี  และที่มีลักษณะที่โดเด่นไม่เหมือนใครก็คือหูที่พับลงมานั้นเอง
                หู : เป็นลักษณะที่ทำให้มีความแตกต่างไปจากแมวชนิดอื่นๆ  คือมีลักษณะหูที่พับลงไปด้านหน้า  ซึ่งเกิดจากยีนเด่นที่ไม่สมบูรณ์จึงเกอดในลักษระที่กลายพันธุ์  ที่มีการส่งผลให้กระดูกอ่อนที่หูผิดปกติไปแล้วยังส่งผลให้กระดูกส่วนอื่นๆนั้นผิดปกติไปด้วยจึงทำให้การผสมในยุคแรกๆนั้นมีความผิดปกติในส่วนของกระดูกสันหลังและขาด้วย  จึงมีการพัฒนาสานพันธุ์ให้มีความแข็งแรงในเวลาต่อมา 
                ลักษณะที่เห็นคือหูจะมีขนาดเล็กมีการพับไปข้างหน้าลักษระเหมือนนกฮูก  แต่ว่าการที่หูจะพับนั้นจะไม่ได้พับตั้งแต่เกิดจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 – 4 สัปดาห์หูก็จะเริ่มพับลง  แต่ก็ไม่ได้พับลงทั้งคอกนะครับ  จะเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของลูกในคอกเท่านั้น  อีก 1 ส่วนหูจะตั้งตลอดไป  ซึ่งขึ้นอยู่พ่อและแม่พันธุ์ที่นำมาผสมด้วย
                ลำตัว : มีขนาดปลายกลาง  ตัวผู้จะหนัก 4 – 6 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 2.7 – 4 กิโลกรัม  มีขนาดตัวที่ค่อนข้างจะอ้วนใหญ่หน่อย ขามีขนาดสัดส่วนเข้ากับร่างกาย
                ตา : ส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลืองอำพัน  ตาโตกลมกว้าง
                หัว : หัวเป็นรูปโดมมีลำคอที่สั้น  จมูกจะสั้น แก้มป่อง
                หาง :  หางยาวเป็นพวง  ได้สัดส่วนกับร่างกาย
                ขน : มีทั้งที่เป็นขนสั้นและขนยาวขึ้นอยู่สายพันธุ์  และมีสีที่หลากหลายมาก

การเลี้ยงและดูแลรักษา  เป็นแมวที่เลี้ยงไม่ยากสามารถที่จะดูแลรักษาไม่ยากเช่นกัน  หากมีเวลาว่างควรที่จะเล่นกันเพราะเป็นแมวที่ขี้เล่น  ไม่ต้องอาบน้ำให้บ่อยแต่ควรที่จะหวีขนให้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการเอาขนที่ตายแล้วออกไป  และเนื่องจากหูที่พับของมันทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและขี้หู  ควรที่จะทำความสะอาดบ่อยๆ  ให้อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง  โปรตีนด้วย  หาพื้นที่ให้ออกกำลังกายบ้าง
 การฝึกการอาบน้ำลูกแมว

            ควรอาบด้วยน้ำอุ่น ๆ โดยใช้มือลูบน้ำอุ่นไปตามตัวก่อนที่จะใช้ฝักบัวจ่อตรงไปที่แมว ระวังอย่าทำน้ำเข้าจมูกหรือใบหน้าแมว วิธีที่ดีกว่าคือให้อาบน้ำตั้งแต่บริเวณหลังใบหูและต้นคอลงไปค่ะ ส่วนบริเวณหน้าผาก และใบหน้า ใช้ฟองน้ำ (แบบแป้งตลับทาหน้าของคน) ซุบน้ำหมาดๆเช็ดเอา จากนั้นให้ใช้ไดร์อุ่นๆ เป่าจนแห้งสนิททั้งตัว ถ้าลูกแมวมีอาการตื่นกลัวเสียงไดร์ สามารถเอาสำลีอุดหูไว้ได้ค่ะ
            
            ก่อนอาบน้ำทุกครั้ง ให้ฝึกการเช็ดหู ตัดเล็บลูกแมวให้คุ้นชิน ทำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ สำหรับลูกแมวเด็ก อาบน้ำ 10 วันต่อครั้ง แต่หากลูกแมวเป็นเชื้อราควรอาบน้ำทุก 5 วัน ด้วยแชมพูสำหรับรักษาเชื้อรา

 การใช้อาหารเสริมสำหรับลูกแมว

            เริ่มให้ได้ตั้งแต่ลูกแมวมีอายุ 1 เดือนขึ้นไปค่ะ โดยใช้อาหารเม็ดสำหรับลูกแมว แช่น้ำต้มสุก แล้วปั่นจนเหมือนโจ๊ก หรือจะใช้อาหารสำหรับลูกแมวที่เป็นถาดสำเร็จรูป ผสมน้ำอุ่นนิดหน่อยเพื่อที่จะใช้ไซริงก์ดูดขึ้นค่ะ (จะมีของยี่ห้อโรยัล คานิน) โดยใช้ไซริงก์ขนาด 3 CC ป้อนในระยะแรก วันละ 2-3 มื้อเพื่อฝึกการกินอาหารและการย่อยอาหารก่อนค่ะ ในสัปดาห์แรกของการให้อาหารควรให้ครั้งละ 3 CC ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจนกว่าลูกแมวจะอิ่มค่ะ หลังจากเราเริ่มหัดให้เขากินอาหารเหลวแล้ว ควรใส่อาหารเม็ดสำหรับลูกแมวไว้ให้เขาหัดทานด้วยค่ะ ถ้าเราสังเกตว่าลูกแมวเริ่มกินอาหารเม็ดเองได้ ก็ลดปริมาณมื้อที่เราป้อนให้ลงได้ค่ะ

 การฝึกให้ลูกแมวกินน้ำจากขวด

            จะใช้วิธีการติดขวดน้ำจุกเล็ก ๆ สำหรับลูกแมวในตำแหน่งที่เาสามารถนั่งกินได้ไว้ใกล้ๆ กันบริเวณขวดน้ำของแม่แมว (หลายครั้งที่เห็นลูกแมวกินน้ำตามแม่แมวค่ะ) แต่ถ้ากรณีดูแล้วปริมาณน้ำไม่ลดเลย ให้เอาปากลูกแมวไปจ่อที่ขวดน้ำได้เลยค่ะ ให้เขารู้ว่ามีน้ำกินจากตรงนี้ จะเป็นการค่อยๆ ฝึกลูกแมวให้เริ่มกินน้ำเองค่ะ
 การฝึกลูกแมวเข้ากระบะทราย

            เริ่มจากการนำกระบะทรายเตี้ย ๆ ที่ลูกแมวสามารถปีนเข้าได้ วางไว้ให้หลังจากลูกแมวเริ่มเดินได้แข็งแรง ตำแหน่งการวางกระบะทรายก็ควรวางไว้ ใกล้กระบะทรายของแม่แมวนะคะ เขาจะเริ่มเข้าตามแม่แมวเองโดยธรรมชิตค่ะ การเข้ากระบะทรายฝึกไม่ยากค่ะ

 การหวีขนลูกแมว

            สำหรับเปอร์เซีย ควรหวีทุก 3 วันครั้ง เพื่อป้องกันการขนพันกันค่ะ แต่สำหรับก็อตติช โฟลด์ ใช้หวีสลิกเกอร์หรือหวีขนหมูหวีทุกสัปดาห์ เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกจากตัวลูกแมวค่ะ
นอกจากนี้ การดูแลเรื่องวัคซีนและถ่ายพยาธิ ลูกแมวควรได้รับการถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วถ่ายซ้ำรอบที่สองเมื่อลูกแมวมีอายุ 2 เดือน พร้อมกับการทำวัคซีนเข็มแรกด้วยค่ะ หลังจากนั้นควรทำวัคซีนตามที่แพทย์กำหนดเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกแมวค่ะ
                การเลือกซื้อแมวสก๊อตติสโฟลด์
                ไม่ว่าจะเลือกซื้อแบบใดไม่ว่าจะเป็นหูพับหรือว่าหูตั้งแล้วแต่ความชิบของผู้เลี้ยง  เพราะว่าจะมีนิสัยและรูปร่างที่เหมือนกัน เลือกสีและขนที่ชอบ แต่ว่าหูพับออาจจะมีราคาที่สูงกว่า ตรวจสอบร่างกายว่ามีสุขภาพที่แข็งแรงหรือไม่  การสอบถามแหล่งที่มาอื่นๆ  เนื่องจากบ้านเราอาจจะยังมีไม่มากและมีราคาที่สูงหลักหมื่นเลยทีเดียว  ควรตรวจสอบที่มาของสายพันธุ์ให้ดี


ที่มา
https://sites.google.com/site/comeminkkcatscottishfold/karndulaescottishfold
http://www.nupet.org/
http://pet.kapook.com/view4624.html
http://pet.kapook.com/view36217.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น