วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Fennec fox

หมาจิ้งจอกเฟนเนก




เฟนเน็คฟ็อกซ์ หรือ จิ้งจอกตัวน้อยแห่งทะเลทรายซาฮาร่า เป็นสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ (Omnivore) พวกมันจัดได้ว่าเป็นจิ้งจอกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยตัวเต็มวัยของเจ้าเฟนเน็คนั้น มีน้ำหนักเฉลี่ยเพียง 1.75 กิโลกรัมสำหรับตัวผู้ และ 1.25 กิโลกรัมสำหรับตัวเมีย ซึ่งจะเทียบน้ำหนักกันแล้ว ยังถือว่าเล็กกว่าสุนัขบ้านแทบทุกสายพันธุ์ที่ซื้อขายกันในท้องตลาด ที่เห็นจะมีใกล้เคียงก็น่าจะเป็นชิวาว่า ด้วยความที่เฟนเน็คเป็นนักล่าที่ตัวเล็ก การหาอาหารจึงจะล่าเพียงสัตว์ที่ขนาดไม่ใหญ่มากมาเป็นอาหาร อย่างเช่นพวกแมลง ไข่สัตว์ชนิดต่างๆ หนู กระต่าย นก และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ความสามารถในการหาอาหารของมันก็เป็นเลิศ เนื่องจากหูของมันสามารถจับความเคลื่อนไหวได้แม้กระทั่งเสียงแมลงที่กำลังขุดทราย ทำให้พวกมันหาอาหารได้ไม่ยาก นอกจากเนื้อสัตว์มันก็ยังกินผักผลไม้อีกด้วย เรียกได้ว่าพวกมันกินแทบจะทุกอย่างเท่าที่พวกมันจะหาได้ และแม้ว่ามันจะเป็นนักล่าที่น่ากลัวสำหรับสัตว์เล็กๆเหล่านั้นแล้ว พวกมันก็ตกเป็นผู้ถูกล่าสำหรับสัตว์บางจำพวกที่ตัวใหญ่กว่ามันเช่นกัน แต่การที่มันจะตกเป็นเหยื่อนั้นไม่ง่าย เนื่องจากใบหูที่มีขนาดใหญ่ของมัน มีความสามารถในการได้ยินอย่างดีเยี่ยม พวกมันสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าของนักล่าที่ย่ำผืนทรายตั้งแต่ระยะไกล ทำให้มันสามารถไหวตัวและหลบหนีได้ก่อนที่นักล่าจะเห็นตัวมันเสียอีก
ในการดำรงชีวิตอยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง ร่างกายของเฟนเน็คจึงมีการพัฒนาและปรับสภาพให้พวกมันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ง่ายขึ้น ขนที่อุ้งเท้าจะหนาเพื่อให้พวกมันสามารถเดินบนทรายที่ร้อนระอุได้ ขนสีน้ำตาลเหมือนทรายของมันช่วยให้มันสามารถอำพรางตัวได้ในทะเลทราย นอกจากนั้นขนของพวกมันยังหนาต่างจากสัตว์ที่อยู่ในทะเลทรายอื่นๆ โดยขนของมันจะสะท้อนความร้อนจากแสงแดดในเวลากลางวันออกไป ส่วนตอนกลางคืนก็ทำหน้าที่สะสมความร้อนเอาไว้เพื่อต่อสู้กับความหนาว เพราะพวกมันจะต้องออกมาหากินในเวลากลางคืนซึ่งอากาศจะหนาวจัดต่างจากเวลากลางวัน



พฤติกรรมตามธรรมชาติ
       เฟนเน็คฟ็อกซ์ อาศัยอยู่ในทะเลทรายซาฮารา ขนสีน้ำตาลของมันจะกลืนไปกับผืนทราย บนพื้นทะเลทรายไม่มีต้นไม้ ไม่มีน้ำ มีเพียงพืชอย่างต้นตะบองเพชรที่เจริญเติบโตได้ เฟนเน็คฟ็อกซ์ดำรงชีวิตในแต่ละวันด้วยการหากินตามทะเลทรายและอาศัยอยู่ในรูลึกที่ขุดขึ้นเอง ภายในมีห้องเป็นสัดส่วน ทั้งห้องเลี้ยงลูก ห้องนอน ซึ่งอุณหภูมิภายในรูจะแตกต่างจากบนพื้นทะเลทรายมาก อุณหภูมิข้างบนอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส แต่ข้างล่างจะเย็นลงเหลือเพียง 20-25 องศาเซลเซียสเท่านั้น
     
       ในช่วงเช้าเฟนเน็คฟ็อกซ์จะออกหากินและวิ่งเล่นรับแดด ส่วนตอนกลางคืนอุณหภูมิจะติดลบ เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นทะเลทรายจะมีความผันผวนของอุณหภูมิสูง ถ้าร้อนก็ร้อนจัด ถ้าเย็นก็เย็นจนติดลบ นอกจากนี้ยังมีภัยธรรมชาติอย่างพายุทะเลทรายอีกด้วย ดังนั้น เฟนเน็คฟ็อกซ์จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพของพื้นที่ ขนของมันจะเป็นฉนวนกันความร้อนและความเย็นไปด้วยในตัว สามารถกันความร้อนและเก็บความอุ่นไว้เพื่อรับกับสภาพอากาศตอนกลางคืน ฉะนั้นพอผ่านช่วงกลางคืนที่หนาวสุดไปแล้ว ในตอนเช้าจึงต้องออกมารับแดดเพื่อให้ขนเก็บความอบอุ่นไว้เพื่อต่อสู้กับสภาพอากาศในคืนต่อไป และจะทำเช่นนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน
     
       “ส่วนวิธีการหาอาหาร เฟนเน็คฟ็อกซ์มีความว่องไวเหมือนพังพอนสามารถจับแมลงได้อย่างรวดเร็ว สามารถกินงูหางกระดิ่งได้ หรือกินแมงป่องที่มีพิษได้เพราะเคลื่อนไหวเร็วกว่า เฟนเน็คฟ็อกซ์ จะตะปบจนเหล็กในหลุดหรือหักก่อนแล้วถึงจะกิน บางทีก็อาจจะกินลูกหนูขนาดเล็ก หรือไข่นกที่วางอยู่ตามพื้น เขาจะได้กินน้ำจากพืชเป็นส่วนใหญ่ อย่างพวกตระกูลตะบองเพชรเพราะในทะเลทรายหาน้ำยาก เขาก็จะกินน้ำจากพืชที่พอหาได้ ซึ่งพฤติกรรมตามธรรมชาติแล้วจะหากินแยกกันเป็นคู่และไม่ออกล่าเป็นฝูงอย่างที่เราเคยเห็น”
     
       “ข้อดีของเฟนเน็คฟ็อกซ์ ที่ได้รับความนิยมกว่าสุนัขจิ้งจอกชนิดอื่น เนื่องจากเขาเป็นสุนัขจิ้งจอกที่ไม่ล่าเหยื่อ กินเพียงแมลงตัวเล็กๆ กินพืช ผัก ผลไม้ จึงไม่มีสัญชาตญาณของความก้าวร้าว แต่ถ้าเป็นสุนัขจิ้งจอกขนาดใหญ่จะออกล่าสัตว์ใหญ่ประเภทกวาง เก้ง เพราะฉะนั้นความดุร้ายจึงมีมากกว่า ทำให้มีลักษณะพฤติกรรมการหาอาหารแตกต่างกัน และต่อให้เป็นตัวที่ดุที่สุดมันก็ไม่ทำร้ายคน”



วิธีการเลี้ยงสำหรับคนที่ไม่เคยเลี้ยงเฟนเน็คฟ็อกซ์มาก่อน ขั้นตอนง่ายๆ เหมือนกับการเลี้ยงสุนัขทั่วไป มีอุปกรณ์พื้นฐานได้แก่ กรงเลี้ยง ถ้วยอาหาร กระบอกขวดน้ำ และอาหารเม็ด อาจเสริมด้วยเนื้อไก่ต้ม เฟนเน็คฟ็อกซ์เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายแต่ต้องอยู่ในความดูแลเพราะเป็นสุนัขจิ้งจอกพันธุ์เล็ก มีกระดูกอ่อน ดั้งนั้นจึงเล่นขย้ำเหมือนสุนัขทั่วไปไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดกระดูกหักได้
     
       หลักๆ ควรให้อาหารสุนัขชนิดเม็ดเกรดดี เพราะเฟนเน็คฟ็อกซ์ต้องการโปรตีนสูง และไม่ควรให้อาหารซ้ำซากจำเจ อาจเปลี่ยนเป็นผลไม้อย่างเช่น มะม่วง กล้วย มะละกอ ซึ่งสัตว์ชนิดนี้กินได้หมด แต่ไม่ควรให้ทุกวัน อาจสลับหมุนเวียนกันไป อาหารเม็ดบ้าง ผักผลไม้บ้าง และก็เนื้อไก่เสริมวันเว้นวันหรือจะเป็นไข่ต้มก็กินได้เช่นกัน
     
       “ส่วนสถานที่เลี้ยงแนะนำให้เลี้ยงปล่อยในบ้านหรือในกรงก็ได้ ถ้าปล่อยได้ก็จะดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้สัตว์เกิดความเครียด อย่างในห้องนอนเวลาเราอยู่เราก็ปล่อยเขาไว้ ให้เขาวิ่งเล่นบ้างเพราะพวกนี้เขาต้องการใช้พลังงานเยอะ เพราะปกติในวันหนึ่งเขาต้องออกไปหาอาหารกินหลายกิโลเมตร ในทะเลทรายไม่ใช่ว่าหาอาหารได้ง่ายๆ มันจะต้องเดินไปเรื่อยๆ และก็กลับมาที่อาศัยใหม่ เพราะฉะนั้นวันหนึ่งๆ เฟนเน็คฟ็อกซ์จะต้องเดินหาอาหารในระยะทางประมาณ 5-10 กิโลเมตรเลยทีเดียว”
       


       ข้อควรระวังสำหรับเฟนเน็คฟ็อกซ์ คือเรื่องกระดูกที่หักเปราะง่ายและอาการท้องเสียเนื่องจากอาหารที่ผู้เลี้ยงให้ ทั้งต้องระวังเรื่องของเชื้อโรค หากยังให้วัคซีนไม่ครบซึ่งในระยะนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะว่าเฟนเน็คฟ็อกซ์สามารถติดโรคที่อยู่ในเมืองได้ง่าย เนื่องจากในป่าไม่ค่อยมีโรค ไม่มีไข้หัด ไม่มีลำไส้อักเสบ อย่างที่เราพบเจอบ่อยในสัตว์เลี้ยง ฉะนั้นถ้าเป็นโรคเหล่านี้เฟนเน็คฟ็อกซ์ก็อาจจะตายได้เร็วกว่าสัตว์ประเภทอื่น
     
       “อย่างโรคในป่าถ้าเป็นสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติ เมื่อเป็นแล้วก็จะตายเลย และจะโดนสัตว์ตัวอื่นเอาซากไปกิน มันก็เหมือนเป็นการกำจัดเชื้อโรค ลดการแพร่ระบาด พอมาอยู่ในเมือง เชื้อโรคของเมืองจะแตกต่างจากเชื้อโรคที่อยู่ในป่า ดังนั้นถ้าระยะที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้ระวังเรื่องความสะอาด การเอาออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน และอย่าให้เลียมือเล่นหากวัคซีนยังฉีดไม่ครบ แต่ถ้าฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว เขาก็จะมีภูมิต้านทานเหมือนสุนัขและสัตว์เลี้ยงทั่วไป”



ที่มา :  
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000070945
https://storybykhaw.wordpress.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81/
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%81
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vinitsiri&month=06-2011&date=11&group=72&gblog=91

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น